เมื่อทำการวิจัย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกการออกแบบการวิจัยที่เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจถึงความน่าเชื่อถือและความถูกต้องของผลการวิจัย หนึ่งในการออกแบบการวิจัยที่พบมากที่สุดคือการออกแบบการวิจัยเชิงสำรวจ ซึ่งใช้แบบสอบถามที่มีโครงสร้างเพื่อรวบรวมข้อมูลจากตัวอย่างที่เป็นตัวแทน อย่างไรก็ตาม การออกแบบการวิจัยเชิงสำรวจเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายอย่างที่อาจส่งผลต่อคุณภาพของผลลัพธ์ ในบทความนี้ เราจะพูดถึงข้อดีและข้อเสียของปัจจัยการออกแบบการวิจัยเชิงสำรวจในการวิจัยเชิงปริมาณ
วิธีการสุ่มตัวอย่าง
การสุ่มตัวอย่างเป็นกระบวนการเลือกตัวอย่างที่เป็นตัวแทนจากกลุ่มประชากรที่สนใจ วิธีการสุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการออกแบบการวิจัยเชิงสำรวจอาจส่งผลต่อความถูกต้องของผลการศึกษา วิธีการสุ่มตัวอย่างความน่าจะเป็น เช่น การสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น และการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม เป็นที่นิยมในการออกแบบการวิจัยเชิงสำรวจ เนื่องจากเป็นวิธีที่ให้ตัวอย่างที่เป็นตัวแทนซึ่งสามารถนำไปใช้กับประชากรได้ ไม่แนะนำให้ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างที่ไม่น่าจะเป็น เช่น การสุ่มตัวอย่างแบบสะดวกและการสุ่มตัวอย่างแบบสโนว์บอล เนื่องจากสามารถทำให้เกิดอคติในผลการวิจัยได้
ขนาดตัวอย่าง
ขนาดตัวอย่างคือจำนวนผู้เข้าร่วมในการศึกษา ขนาดตัวอย่างที่ใช้ในการออกแบบการวิจัยเชิงสำรวจอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของผลการวิจัย ขนาดตัวอย่างที่ใหญ่กว่ามักนิยมใช้เพราะจะเพิ่มพลังทางสถิติของการศึกษา ลดข้อผิดพลาดในการสุ่มตัวอย่าง และปรับปรุงความแม่นยำของผลลัพธ์ อย่างไรก็ตาม ขนาดตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้นยังสามารถเพิ่มค่าใช้จ่ายและเวลาที่ต้องใช้ในการดำเนินการศึกษา
การออกแบบแบบสอบถาม
การออกแบบแบบสอบถามเป็นปัจจัยสำคัญในการออกแบบการวิจัยเชิงสำรวจ เนื่องจากเป็นการกำหนดคุณภาพของข้อมูลที่เก็บรวบรวม แบบสอบถามที่ออกแบบมาอย่างดีควรมีความชัดเจน กระชับ และเข้าใจง่าย นอกจากนี้ยังควรใช้ตัวเลือกการตอบสนองที่เหมาะสม เช่น มาตราส่วน Likert คำถามแบบปรนัย และคำถามปลายเปิด เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่รวบรวมนั้นถูกต้องและเชื่อถือได้ แบบสอบถามที่ออกแบบมาไม่ดีอาจทำให้เกิดอคติ ลดอัตราการตอบกลับ และให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้อง
สั่งคำถาม
ลำดับของคำถามในแบบสอบถามอาจส่งผลต่อคุณภาพของข้อมูลที่รวบรวมได้เช่นกัน ควรจัดระเบียบคำถามอย่างมีเหตุผลและไหลลื่นอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนและลดอคติในการตอบสนอง นักวิจัยควรพิจารณาบริบทของคำถามและผลกระทบต่อคำตอบของผู้ตอบด้วย ตัวอย่างเช่น ควรใส่คำถามที่ละเอียดอ่อนหรือเป็นส่วนตัวไว้ที่ส่วนท้ายของแบบสอบถามเพื่อลดอคติในการตอบสนอง
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
วิธีการรวบรวมข้อมูลที่ใช้ในการออกแบบการวิจัยเชิงสำรวจสามารถส่งผลต่อคุณภาพของผลลัพธ์ได้เช่นกัน วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยทั่วไปคือการสัมภาษณ์แบบเห็นหน้า สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ แบบสำรวจออนไลน์ และแบบสำรวจทางไปรษณีย์ แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป ผู้วิจัยควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การวิจัย งบประมาณ และเวลาที่จำกัดที่สุด
อัตราการตอบสนอง
อัตราการตอบกลับคือเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ตอบแบบสำรวจ อัตราการตอบสนองสูงเป็นสิ่งที่พึงปรารถนา เนื่องจากจะเพิ่มตัวแทนของตัวอย่างและลดความเอนเอียงที่ไม่ตอบสนอง อย่างไรก็ตาม การได้รับอัตราการตอบกลับที่สูงอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย และนักวิจัยควรใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น การเตือนติดตามผล สิ่งจูงใจ และข้อความส่วนบุคคลเพื่อปรับปรุงอัตราการตอบกลับ
การวิเคราะห์ข้อมูล
ปัจจัยสุดท้ายที่ต้องพิจารณาในการออกแบบการวิจัยเชิงสำรวจคือการวิเคราะห์ข้อมูล นักวิจัยควรใช้วิธีการทางสถิติที่เหมาะสมในการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวม เช่น สถิติบรรยาย สถิติเชิงอนุมาน และการวิเคราะห์การถดถอย นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และสมมติฐานการวิจัย
สรุปได้ว่า การออกแบบการวิจัยเชิงสำรวจเป็นเครื่องมือสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อคุณภาพของผลการวิจัยอย่างรอบคอบ เช่น วิธีการสุ่มตัวอย่าง ขนาดตัวอย่าง การออกแบบแบบสอบถาม ลำดับคำถาม วิธีการรวบรวมข้อมูล อัตราการตอบกลับ และการวิเคราะห์ข้อมูล เมื่อจัดการกับปัจจัยเหล่านี้ นักวิจัยสามารถมั่นใจได้ว่าการออกแบบการวิจัยเชิงสำรวจของพวกเขามีความน่าเชื่อถือ ถูกต้อง และสร้างผลลัพธ์ที่ถูกต้องซึ่งสามารถนำไปใช้กับกลุ่มประชากรที่สนใจได้
ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)