1. การวิจัยทางบัญชีสามารถทำได้ทั้งวิธีการเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ วิธีการเชิงคุณภาพเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง เช่น การสัมภาษณ์และกรณีศึกษา ในขณะที่วิธีการเชิงปริมาณเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลที่มีโครงสร้าง เช่น งบการเงินและการวิเคราะห์ทางสถิติ
2. วัตถุประสงค์ของการวิจัยทางบัญชีคือเพื่อพัฒนาความเข้าใจของเราเกี่ยวกับหลักการบัญชีและแนวปฏิบัติ และเพื่อพัฒนาเทคนิคและแนวทางใหม่สำหรับการแก้ปัญหาในสาขานี้
3. การวิจัยทางบัญชีสามารถดำเนินการในระดับจุลภาค ซึ่งมุ่งเน้นไปที่บริษัทและองค์กรแต่ละแห่ง หรือในระดับมหภาค ซึ่งพิจารณาที่เศรษฐกิจและแนวโน้มอุตสาหกรรมในวงกว้าง
4. การวิจัยทางบัญชีมักจะเกี่ยวข้องกับความร่วมมือกับสาขาวิชาอื่นๆ เช่น เศรษฐศาสตร์ การเงิน และการจัดการธุรกิจ
5. นักวิจัยด้านบัญชีจำนวนมากมีความเกี่ยวข้องกับสถาบันการศึกษา แต่การวิจัยสามารถดำเนินการโดยองค์กรวิชาชีพ เช่น American Institute of Certified Public Accountants (AICPA) และผู้ปฏิบัติงานรายบุคคล
6. การวิจัยทางบัญชีมักได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการและนำเสนอในที่ประชุม ซึ่งช่วยให้สามารถเผยแพร่แนวคิดและข้อค้นพบใหม่ ๆ แก่ผู้ชมในวงกว้างได้
7. การใช้เทคโนโลยี เช่น การทำเหมืองข้อมูลและการเรียนรู้ของเครื่องได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยทางบัญชีมากขึ้นเรื่อยๆ
8. การวิจัยทางบัญชีสามารถนำไปใช้ได้จริง เช่น การพัฒนามาตรฐานการบัญชีใหม่หรือการปรับปรุงแนวปฏิบัติในการรายงานทางการเงิน
9. ข้อพิจารณาด้านจริยธรรม เช่น การรักษาความลับและความเที่ยงธรรม มีความสำคัญในการวิจัยทางการบัญชี
10. กระบวนการวิจัยทางการบัญชีมักเกี่ยวข้องกับการระบุคำถามหรือปัญหาการวิจัย การทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง การพัฒนาการออกแบบการวิจัย การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล และการรายงานผล
11. การวิจัยทางการบัญชีสามารถได้รับทุนจากแหล่งต่างๆ รวมถึงทุนจากหน่วยงานรัฐบาล องค์กรวิชาชีพ และมูลนิธิเอกชน
12. สาขาการวิจัยการบัญชีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยมีการพัฒนาและนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)