IRR หรือ Internal Rate of Return คือ อัตราผลตอบแทนภายในโครงการ เป็นตัวชี้วัดว่าการลงทุนนั้นคุ้มค่าหรือไม่ โดยคำนวณจากมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ของกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน IRR รู้ไว้ก่อนลงทุนจะได้ไม่พลาด
สูตรการคำนวณ IRR มีดังนี้
IRR = n / (∑(CFt / (1+r)^t))
โดยที่
- n คือ จำนวนปีของการลงทุน
- CFt คือ กระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับในปีที่ t
- r คือ อัตราดอกเบี้ยที่ใช้ในการคิดลดกระแสเงินสด
IRR มีค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยถ้า IRR มีค่าสูงกว่าต้นทุนของเงินทุน แสดงว่าการลงทุนนั้นคุ้มค่า แต่ถ้า IRR มีค่าต่ำกว่าต้นทุนของเงินทุน แสดงว่าการลงทุนนั้นไม่คุ้มค่า
ตัวอย่างการคำนวณ IRR
สมมติว่าเรามีการลงทุนในโครงการหนึ่ง โดยคาดว่าจะได้รับกระแสเงินสดดังนี้
ปีที่ 1 = 100,000 บาท ปีที่ 2 = 200,000 บาท ปีที่ 3 = 300,000 บาท
ต้นทุนของเงินทุนคือ 10%
จากสูตรการคำนวณ IRR จะได้ดังนี้
IRR = 3 / (100,000 / (1+0.1)^1 + 200,000 / (1+0.1)^2 + 300,000 / (1+0.1)^3)
IRR = 22.47%
จากการคำนวณพบว่า IRR มีค่าเท่ากับ 22.47% ซึ่งสูงกว่าต้นทุนของเงินทุนที่ 10% แสดงว่าการลงทุนในโครงการนี้คุ้มค่า
ประโยชน์ของ IRR
IRR มีประโยชน์ในการตัดสินใจลงทุน โดยสามารถสรุปประโยชน์หลัก ๆ ได้เป็นดังนี้
- เปรียบเทียบการลงทุนหลายโครงการ
IRR สามารถนำมาเปรียบเทียบการลงทุนหลายโครงการด้วยกัน เพื่อเลือกโครงการที่คุ้มค่าที่สุด โดยโครงการที่มี IRR สูงกว่าจะเป็นโครงการที่คุ้มค่ากว่า
ตัวอย่างเช่น บริษัทแห่งหนึ่งกำลังพิจารณาการลงทุนในโครงการ 2 โครงการ โดยโครงการ A มี IRR เท่ากับ 20% และโครงการ B มี IRR เท่ากับ 15% แสดงว่าโครงการ A คุ้มค่ากว่าโครงการ B
- ประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนในระยะยาว
IRR สามารถนำมาประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนในระยะยาวได้ โดยพิจารณาจากกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนตลอดระยะเวลาทั้งหมด
ตัวอย่างเช่น บริษัทแห่งหนึ่งกำลังพิจารณาการลงทุนในเครื่องจักรใหม่ โดยคาดว่าจะได้รับกระแสเงินสดดังนี้
ปีที่ 1 = 500,000 บาท ปีที่ 2 = 600,000 บาท ปีที่ 3 = 700,000 บาท
ต้นทุนของเครื่องจักรคือ 1,000,000 บาท
จากการคำนวณ IRR จะได้ดังนี้
IRR = 3 / (500,000 / (1+r)^1 + 600,000 / (1+r)^2 + 700,000 / (1+r)^3)
IRR = 14.29%
จากการคำนวณพบว่า IRR มีค่าเท่ากับ 14.29% ซึ่งสูงกว่าต้นทุนของเงินทุนที่ 10% แสดงว่าการลงทุนในเครื่องจักรใหม่คุ้มค่า
ข้อควรระวังในการใช้ IRR
IRR มีข้อควรระวังในการใช้อยู่บ้าง ดังนี้
- IRR ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยที่ใช้คิดลดกระแสเงินสด
IRR คำนวณจากมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ของกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน ดังนั้น IRR จึงขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยที่ใช้คิดลดกระแสเงินสด ดังนั้นจึงควรพิจารณาเลือกใช้อัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม
ตัวอย่างเช่น สมมติว่าบริษัทแห่งหนึ่งกำลังพิจารณาการลงทุนในโครงการหนึ่ง โดยคาดว่าจะได้รับกระแสเงินสดดังนี้
ปีที่ 1 = 100,000 บาท ปีที่ 2 = 200,000 บาท ปีที่ 3 = 300,000 บาท
ต้นทุนของเงินทุนคือ 10%
ถ้าใช้อัตราดอกเบี้ย 10% คำนวณ IRR จะได้เท่ากับ 22.47%
แต่ถ้าใช้อัตราดอกเบี้ย 15% คำนวณ IRR จะได้เท่ากับ 17.65%
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า IRR มีค่าแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยที่ใช้คิดลดกระแสเงินสด ดังนั้นจึงควรพิจารณาเลือกใช้อัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม
- IRR ไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงของการลงทุน
IRR ไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงของการลงทุน ดังนั้นจึงควรพิจารณาความเสี่ยงของการลงทุนควบคู่ไปด้วย
ตัวอย่างเช่น สมมติว่าบริษัทแห่งหนึ่งกำลังพิจารณาการลงทุนในโครงการ 2 โครงการ โดยโครงการ A มี IRR เท่ากับ 20% และโครงการ B มี IRR เท่ากับ 15%
ถ้าพิจารณาจาก IRR เพียงอย่างเดียว โครงการ A ดูเหมือนจะคุ้มค่ากว่าโครงการ B
แต่ถ้าพิจารณาถึงความเสี่ยงของการลงทุนด้วย พบว่าโครงการ A มีความเสี่ยงสูงกว่าโครงการ B มาก ในกรณีนี้ การลงทุนในโครงการ B อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
สรุปได้ว่า IRR เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการตัดสินใจลงทุน อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาข้อควรระวังในการใช้ IRR ควบคู่ไปด้วย เพื่อการลงทุนที่มีประสิทธิภาพsharemore_vert
ข้อควรระวังในการใช้ IRR
IRR เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการตัดสินใจลงทุน อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาข้อควรระวังในการใช้ IRR ควบคู่ไปด้วย เพื่อการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ดังนี้
- IRR ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยที่ใช้คิดลดกระแสเงินสด
IRR คำนวณจากมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ของกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน ดังนั้น IRR จึงขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยที่ใช้คิดลดกระแสเงินสด ดังนั้นจึงควรพิจารณาเลือกใช้อัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม
อัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมควรเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สะท้อนถึงต้นทุนของเงินทุนที่ใช้ในการลงทุน เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ อัตราดอกเบี้ยพันธบัตร หรืออัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ
- IRR ไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงของการลงทุน
IRR ไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงของการลงทุน ดังนั้นจึงควรพิจารณาความเสี่ยงของการลงทุนควบคู่ไปด้วย
ความเสี่ยงของการลงทุน คือ ความเป็นไปได้ที่การลงทุนจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมักให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ
หากพิจารณาจาก IRR เพียงอย่างเดียว อาจตัดสินใจเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- IRR อาจมีค่าหลายค่า
ในบางกรณี การลงทุนอาจมีกระแสเงินสดที่เป็นบวกและลบอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น การลงทุนในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ในกรณีนี้ IRR อาจมีค่าหลายค่า
หาก IRR มีหลายค่า จะต้องพิจารณาค่า IRR ที่สูงที่สุดและค่า IRR ที่ต่ำที่สุด โดยค่า IRR ที่สูงที่สุดอาจไม่สะท้อนถึงความเป็นจริง เนื่องจากเป็นค่าที่หาได้ยากมาก
- IRR อาจไม่เหมาะสมกับการลงทุนบางประเภท
IRR เหมาะสมกับการลงทุนที่มีกระแสเงินสดที่คาดหวังได้ค่อนข้างแน่นอน เช่น การลงทุนในเครื่องจักรหรืออุปกรณ์
สำหรับการลงทุนที่มีกระแสเงินสดที่คาดหวังได้ยาก เช่น การลงทุนในธุรกิจใหม่หรือการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน อาจใช้เครื่องมืออื่น ๆ ในการช่วยตัดสินใจลงทุน เช่น มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) หรืออัตราผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Return on Risk)
สรุป
IRR เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการตัดสินใจลงทุน อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาข้อควรระวังในการใช้ IRR ควบคู่ไปด้วย เพื่อการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ
สรุป
IRR เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการตัดสินใจลงทุน โดยสามารถใช้เปรียบเทียบการลงทุนหลายโครงการด้วยกัน เพื่อเลือกโครงการที่คุ้มค่าที่สุด อย่างไรก็ตาม IRR รู้ไว้ก่อนลงทุนจะได้ไม่พลาด ควรพิจารณาข้อควรระวังในการใช้ IRR ควบคู่ไปด้วย เพื่อการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ