การวิจัยตลาด เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจทุกประเภท ช่วยให้นักธุรกิจเข้าใจลูกค้า คู่แข่ง และตลาดโดยรวม ข้อมูลที่ได้จากการวิจัยตลาดจะช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจที่ชาญฉลาด พัฒนาสินค้าและบริการที่มีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ บทความนี้แนะนำ 7 ขั้นตอนสู่การเรียนรู้การวิจัยตลาด เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเข้าใจพื้นฐานและนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตัวเอง
1. กำหนดเป้าหมาย
การกำหนดเป้าหมาย เป็นขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดของการวิจัยตลาด เป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณออกแบบการวิจัย วิธีการเก็บข้อมูล และเครื่องมือวิจัยได้อย่างเหมาะสม
คำถามสำคัญ ที่ต้องตอบในการกำหนดเป้าหมาย ได้แก่:
- ต้องการทราบข้อมูลอะไร
- ต้องการตอบคำถามอะไร
- ต้องการใชัข้อมูลเพื่ออะไร
- ต้องการผลลัพธ์แบบไหน
- ต้องการข้อมูลจากใคร
- มีทรัพยากรอะไร
ตัวอย่างเป้าหมาย ของการวิจัยตลาด:
- เข้าใจความต้องการของลูกค้าสำหรับสินค้าใหม่:
- ต้องการทราบว่าลูกค้าต้องการสินค้าแบบไหน
- ต้องการทราบว่าลูกค้า willing to pay เท่าไหร่
- ต้องการทราบว่าลูกค้าซื้อสินค้าจากช่องทางไหน
- วิเคราะห์ส่วนแบ่งการตลาดของคู่แข่ง:
- ต้องการทราบว่าคู่แข่งมีส่วนแบ่งการตลาดเท่าไหร่
- ต้องการทราบว่าจุดแข็งและจุดอ่อนของคู่แข่งคืออะไร
- ต้องการทราบว่ากลยุทธ์การตลาดของคู่แข่งคืออะไร
- ทดสอบประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา:
- ต้องการทราบว่าลูกค้าจดจำโฆษณาได้หรือไม่
- ต้องการทราบว่าลูกค้ามีทัศนคติต่อโฆษณาอย่างไร
- ต้องการทราบว่าโฆษณาส่งผลต่อความตั้งใจในการซื้อของลูกค้าหรือไม่
2. เลือกวิธีการวิจัย
วิธีการวิจัยตลาด มีหลากหลายวิธี แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน คุณต้องเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับเป้าหมาย งบประมาณ และทรัพยากรที่มี
วิธีการวิจัยตลาด ที่นิยมใช้ ได้แก่:
2.1 การสำรวจ
- การสำรวจออนไลน์: สะดวกรวดเร็ว เข้าถึงกลุ่มตัวอย่างได้กว้าง
- การสำรวจทางโทรศัพท์: เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต
- การสำรวจแบบพบหน้า: ได้ข้อมูลเชิงลึก
2.2 การสัมภาษณ์
- การสัมภาษณ์เชิงลึก: เข้าใจความคิด ความรู้สึก และแรงจูงใจ
- การสัมภาษณ์แบบกลุ่ม: ได้ข้อมูลเชิงลึกจากมุมมองที่หลากหลาย
2.3 การสังเกตการณ์
- การสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม: เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าในสถานการณ์จริง
- การสังเกตการณ์แบบไม่เข้าร่วม: เก็บข้อมูลโดยไม่รบกวนพฤติกรรมของลูกค้า
2.4 การวิเคราะห์ข้อมูลออนไลน์
- การวิเคราะห์เว็บไซต์: วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้เว็บไซต์
- การวิเคราะห์โซเชียลมีเดีย: วิเคราะห์ความคิดเห็นของลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย
- การวิเคราะห์ข้อมูลการค้นหา: วิเคราะห์ว่าลูกค้าค้นหาอะไร
2.5 การทดสอบ
- การทดสอบสินค้า: ทดสอบว่าลูกค้าชอบสินค้าหรือไม่
- การทดสอบราคา: ทดสอบว่าลูกค้า willing to pay เท่าไหร่
- การทดสอบโฆษณา: ทดสอบว่าโฆษณา effectively
ปัจจัย ที่ต้องพิจารณาในการเลือกวิธีการวิจัย
- เป้าหมายของการวิจัย: ต้องการทราบข้อมูลอะไร
- งบประมาณ: มีงบประมาณเท่าไหร่
- ทรัพยากร: มีเวลาและบุคลากรเพียงพอหรือไม่
- กลุ่มเป้าหมาย: ต้องการข้อมูลจากใคร
- ประเภทข้อมูล: ต้องการข้อมูลประเภทไหน
3. ออกแบบเครื่องมือวิจัย
เครื่องมือวิจัย ที่นิยมใช้ ได้แก่:
- แบบสอบถาม: เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง มีหลายรูปแบบ เช่น แบบสอบถามออนไลน์ แบบสอบถามทางโทรศัพท์ แบบสอบถามแบบพบหน้า
- คู่มือการสัมภาษณ์: เครื่องมือที่ใช้ในการสัมภาษณ์ ประกอบด้วยคำถาม คำอธิบาย และแนวทางการสัมภาษณ์
- บันทึกการสังเกต: เครื่องมือที่ใช้บันทึกข้อมูลจากการสังเกต ประกอบด้วยรายละเอียดของเหตุการณ์ บุคคล สถานที่ และอื่นๆ
หลักการออกแบบเครื่องมือวิจัย
- ความชัดเจน: คำถามต้องชัดเจน ตรงประเด็น เข้าใจง่าย
- ความเรียบง่าย: เครื่องมือวิจัยควรมี format ที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน
- ความถูกต้อง: คำถามต้องถูกต้อง ตรงกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย
- ความน่าเชื่อถือ: ข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือวิจัยต้องน่าเชื่อถือ
- ความเป็นกลาง: เครื่องมือวิจัยต้องเป็นกลาง ไม่โน้มน้าวให้ตอบในทางใดทางหนึ่ง
ตัวอย่าง
- แบบสอบถามออนไลน์:
- ออกแบบผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Google Forms, SurveyMonkey
- ถามคำถามเกี่ยวกับข้อมูลประชากร พฤติกรรมการซื้อ ความพึงพอใจต่อสินค้าหรือบริการ
- ทดสอบแบบสอบถามก่อนนำไปใช้จริง
- คู่มือการสัมภาษณ์:
- เขียนคำถามปลายเปิด กระตุ้นให้ผู้ตอบสัมภาษณ์คิดและแสดงความคิดเห็น
- เขียนคำถามเกี่ยวกับประสบการณ์ ความคิด ความรู้สึก และแรงจูงใจ
- ทดสอบคู่มือการสัมภาษณ์ก่อนนำไปใช้จริง
- บันทึกการสังเกต:
- กำหนดรายละเอียดของข้อมูลที่จะบันทึก เช่น พฤติกรรม คำพูด อารมณ์
- บันทึกข้อมูลอย่างละเอียด ตรงประเด็น
- วิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ
4. เก็บข้อมูล
การเก็บข้อมูล เป็นขั้นตอนสำคัญของการวิจัยตลาด ข้อมูลที่ได้จากการเก็บข้อมูลจะช่วยให้คุณวิเคราะห์ ตอบคำถาม และบรรลุเป้าหมายของการวิจัย
วิธีการเก็บข้อมูล ที่นิยมใช้ ได้แก่:
- การสำรวจ:
- การสำรวจออนไลน์: สะดวกรวดเร็ว เข้าถึงกลุ่มตัวอย่างได้กว้าง
- การสำรวจทางโทรศัพท์: เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต
- การสำรวจแบบพบหน้า: ได้ข้อมูลเชิงลึก
- การสัมภาษณ์:
- การสัมภาษณ์เชิงลึก: เข้าใจความคิด ความรู้สึก และแรงจูงใจ
- การสัมภาษณ์แบบกลุ่ม: ได้ข้อมูลเชิงลึกจากมุมมองที่หลากหลาย
- การสังเกตการณ์:
- การสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม: เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าในสถานการณ์จริง
- การสังเกตการณ์แบบไม่เข้าร่วม: เก็บข้อมูลโดยไม่รบกวนพฤติกรรมของลูกค้า
- การวิเคราะห์ข้อมูลออนไลน์:
- การวิเคราะห์เว็บไซต์: วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้เว็บไซต์
- การวิเคราะห์โซเชียลมีเดีย: วิเคราะห์ความคิดเห็นของลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย
- การวิเคราะห์ข้อมูลการค้นหา: วิเคราะห์ว่าลูกค้าค้นหาอะไร
- การทดสอบ:
- การทดสอบสินค้า: ทดสอบว่าลูกค้าชอบสินค้าหรือไม่
- การทดสอบราคา: ทดสอบว่าลูกค้า willing to pay เท่าไหร่
- การทดสอบโฆษณา: ทดสอบว่าโฆษณา effectively
ปัจจัย ที่ต้องพิจารณาในการเลือกวิธีการเก็บข้อมูล
- เป้าหมายของการวิจัย: ต้องการทราบข้อมูลอะไร
- งบประมาณ: มีงบประมาณเท่าไหร่
- ทรัพยากร: มีเวลาและบุคลากรเพียงพอหรือไม่
- กลุ่มเป้าหมาย: ต้องการข้อมูลจากใคร
- ประเภทข้อมูล: ต้องการข้อมูลประเภทไหน
5. วิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูล เป็นขั้นตอนสำคัญของการวิจัยตลาด ข้อมูลที่ได้จากการเก็บข้อมูลจะช่วยให้คุณวิเคราะห์ ตอบคำถาม และบรรลุเป้าหมายของการวิจัย
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล ที่นิยมใช้ ได้แก่:
- การวิเคราะห์เชิงสถิติ:
- วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ เช่น ค่าเฉลี่ย มัธยฐาน โหมด
- ทดสอบสมมติฐาน
- หาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร
- การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา:
- วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ
- หาธีม แนวโน้ม และความหมาย
- การวิเคราะห์ข้อมูลออนไลน์:
- วิเคราะห์ข้อมูลจากเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย เครื่องมือค้นหา
- เข้าใจพฤติกรรม ความคิดเห็น และความต้องการของลูกค้า
เครื่องมือ ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่:
- โปรแกรมสำเร็จรูป: เช่น SPSS, SAS, R
- โปรแกรม Excel
- เครื่องมือออนไลน์: เช่น Google Analytics, Tableau
ตัวอย่าง
- ร้านอาหารแห่งหนึ่งต้องการทราบความต้องการของลูกค้าสำหรับเมนูใหม่ ร้านอาหารสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากการสำรวจออนไลน์เพื่อหาว่าลูกค้าชอบอาหารประเภทไหน ราคาที่ลูกค้า willing to pay อยู่ที่เท่าไหร่ และอื่นๆ
- บริษัทโทรคมนาคมแห่งหนึ่งต้องการวิเคราะห์ส่วนแบ่งการตลาดของคู่แข่ง บริษัทสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด หรือวิเคราะห์ข้อมูลจากการสำรวจลูกค้าเพื่อหาว่าลูกค้าใช้บริการของคู่แข่งด้วยเหตุผลอะไร
- แบรนด์เครื่องสำอางแห่งหนึ่งต้องการทดสอบประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา แบรนด์สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากการทดสอบ A/B เพื่อหาว่าโฆษณาเวอร์ชันไหนมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน
6. สรุปผล
การสรุปผล เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการวิจัยตลาด รายงานสรุปผลควรมีเนื้อหาดังต่อไปนี้:
- บทนำ:
- อธิบายวัตถุประสงค์ของการวิจัย
- อธิบายวิธีการวิจัย
- ผลการวิเคราะห์:
- นำเสนอข้อมูลเชิงสถิติและเชิงเนื้อหา
- วิเคราะห์ข้อมูล ตอบคำถาม และบรรลุเป้าหมายของการวิจัย
- ข้อเสนอแนะ:
- เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหา
- เสนอแนะกลยุทธ์และแผนการดำเนินงาน
- บทสรุป:
- สรุปผลการวิจัย
- สรุปข้อเสนอแนะ
ตัวอย่าง
- ร้านอาหาร:
- สรุปผลว่าลูกค้าชอบอาหารประเภทไหน ราคาที่ลูกค้า willing to pay อยู่ที่เท่าไหร่
- เสนอแนะเมนูใหม่
- เสนอแนะกลยุทธ์การกำหนดราคา
- บริษัทโทรคมนาคม:
- สรุปผลว่าคู่แข่งมีส่วนแบ่งการตลาดเท่าไหร่ จุดแข็งและจุดอ่อนของคู่แข่งคืออะไร
- เสนอแนะกลยุทธ์การแข่งขัน
- แบรนด์เครื่องสำอาง:
- สรุปผลว่าโฆษณาเวอร์ชันไหนมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน
- เสนอแนะกลยุทธ์การปรับปรุงแคมเปญโฆษณา
รายงานสรุปผล ควรเขียนให้กระชับ ชัดเจน เข้าใจง่าย นำเสนอข้อมูลและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ
7. นำเสนอผล
การนำเสนอผล เป็นขั้นตอนสำคัญของการวิจัยตลาด การนำเสนอที่ดีจะช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจผลการวิจัย ตอบคำถาม และตัดสินใจ
หลักการนำเสนอผล
- ความชัดเจน:
- นำเสนอข้อมูลให้ชัดเจน ตรงประเด็น เข้าใจง่าย
- หลีกเลี่ยงศัพท์เฉพาะทาง
- ความเรียบง่าย:
- นำเสนอข้อมูลอย่างเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน
- ใช้ภาพ กราฟิก และตารางเพื่อช่วยอธิบายข้อมูล
- ความน่าเชื่อถือ:
- นำเสนอข้อมูลอย่างน่าเชื่อถือ อ้างอิงแหล่งที่มา
- ตอบคำถามอย่างมั่นใจ
- ความน่าสนใจ:
- นำเสนอข้อมูลอย่างน่าสนใจ ดึงดูดความสนใจผู้ฟัง
- เล่าเรื่องราวเพื่อประกอบการนำเสนอ
ตัวอย่าง
- ร้านอาหาร:
- นำเสนอผลการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า
- นำเสนอเมนูใหม่
- นำเสนอกลยุทธ์การกำหนดราคา
- บริษัทโทรคมนาคม:
- นำเสนอผลการวิเคราะห์ส่วนแบ่งการตลาดของคู่แข่ง
- นำเสนอกลยุทธ์การแข่งขัน
- แบรนด์เครื่องสำอาง:
- นำเสนอผลการทดสอบโฆษณา
- นำเสนอกลยุทธ์การปรับปรุงแคมเปญโฆษณา
การนำเสนอผล เป็นโอกาสที่ดีในการสื่อสารผลการวิจัย ตอบคำถาม และโน้มน้าวผู้ฟัง
หมายเหตุ: ตัวอย่างที่นำเสนอเป็นเพียงตัวอย่างเบื้องต้น รายละเอียดของการนำเสนอผลจะขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจ เป้าหมาย และทรัพยากรที่มี
เครื่องมือ ที่ใช้ในการนำเสนอผล ได้แก่:
- โปรแกรม PowerPoint
- โปรแกรม Keynote
- โปรแกรม Google Slides
- แผ่นฟลิป
- ไวท์บอร์ด
เทคนิค การนำเสนอผล
- ฝึกซ้อมการนำเสนอล่วงหน้า
- พูดชัด ถ้อยชัด รัดกุม
- มองผู้ฟัง
- ตอบคำถามอย่างมั่นใจ
- เปิดโอกาสให้ถามคำถาม
การวิจัยตลาด เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับธุรกิจทุกประเภท ธุรกิจที่ใช้การวิจัยตลาดอย่างมีประสิทธิภาพจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าธุรกิจที่ไม่ใช้
หมายเหตุ: ตัวอย่างที่นำเสนอเป็นเพียงตัวอย่างเบื้องต้น รายละเอียดของการวิจัยตลาดจะขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจ เป้าหมาย และทรัพยากรที่มี