คลังเก็บป้ายกำกับ: การเขียนวิทยานิพนธ์บทที่ 1

การเขียนวิจัยบทที่ 1

การเขียนวิจัยบทที่ 1 ทำยากไหม มีขั้นตอนการทำอย่างไร

ในการเริ่มต้นที่จะทำวิจัยสำหรับผู้วิจัยมือใหม่ หลายท่านมักจะประสบกับปัญหาจากการไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเขียนบทที่ 1 ของตนเองอย่างไร หรืออาจจะพอรู้มาบ้าง แต่ยังไม่ทราบองค์ประกอบที่แน่ชัดว่าจะเริ่มต้นตรงไหน จึงทำให้บทที่ 1 ที่เขียนออกมาไม่ตรงประเด็นที่จะศึกษา หรืออาจทำให้ผู้อ่านเกิดความสบสนได้ บทความนี้จึงจะพาผู้วิจัยมือใหม่มาหาคำตอบ และชี้แนะแนวทางในการทำบทที่ 1 ให้ง่ายขึ้น โดยมีขั้นตอนการทำดังนี้

ภาพจาก pexels.com

1. ความเป็นมา และความสำคัญของปัญหาการวิจัย

ในการเขียนบทที่ 1 คงหนีไม่พ้นที่จะต้องเริ่มต้นจากเขียนความเป็นมา และความสำคัญของปัญหาการวิจัย เนื่องจากหัวข้อนี้ จะเป็นหัวข้อแรกที่ผู้วิจัยต้องเกริ่นนำ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ และความเป็นมาที่ได้ทำวิจัยในครั้งนี้ โดยจะเป็นการเกริ่นนำถึงภาพรวมทั้งหมดของงานวิจัยที่จะทำการศึกษา ความสำคัญของเรื่อง และนำเสนอไปถึงข้อมูลของปัญหาทั้งหมด อธิบายข้อดี ข้อเสีย ของปัญหาเพื่อจูงใจให้ผู้อ่านมีความคล้อยตามไปกับประเด็นเนื้อเรื่องที่ผู้วิจัยได้เรียบเรียงข้อมูลออกมา รวมถึงการหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ได้ทำการวิจัย ซึ่งผู้วิจัยควรที่จะมีเอกสารอ้างอิง เพื่อนำมาเป็นเอกสารในการสนับสนุนงานวิจัยที่กำลังศึกษา จากนั้นนำข้อมูลที่ศึกษาทั้งหมดมาสรุปอภิปรายถึงเป้าหมายที่จะทำการแก้ไขปัญหา ซึ่งความเป็นมา และความสำคัญของปัญหาการวิจัย มีวิธีการเขียนง่ายๆ ดังนี้

ย่อหน้าที่ 1 ควรเกริ่นนำ เขียนบรรยายให้เห็นถึงภาพรวม ความสำคัญของเรื่องที่ผู้ทำวิจัยจะทำการศึกษาปัญหานั้น

ย่อหน้าที่ 2-3 ควรหาข้อมูลที่จะนำมาสู่ประเด็นปัญหาในด้านต่างๆ โดยผู้วิจัยจะต้องนำเสนอ และชี้แจงลักษณะสำคัญของปัญหาที่ทำการศึกษานั้น ว่ามีคุณค่ามากพอที่จะทำการศึกษาไหม

ย่อหน้าที่ 4 ควรทำการสรุป รวมถึงตั้งข้อสงสัยถึงแนวทางที่แก้ปัญหา และเขียนบรรยายสรุปโดยแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาที่ทำวิจัยทำการศึกษา พร้อมเสนอหลักการหรือทฤษฎีของงานที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้

ภาพจาก pexels.com

2. วัตถุประสงค์ของการทำวิจัย

วัตถุประสงค์ของการทำวิจัยจะเป็นตัวบ่งบอกถึงคำถามที่ต้องการหาคำตอบ ซึ่งผู้วิจัยจะต้องเขียนให้เห็นถึงประเด็นย่อย โดยจะเขียนเป็นข้อหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับประเภทของงานวิจัยที่ต้องการจะทำ และต้องเขียนวัตถุประสงค์ให้อยู่ในกรอบของชื่อเรื่องการวิจัยด้วย อาจจะเขียนให้อยู่ในรูปแบบของประโยคบอกเล่า ดังนี้

  1. เพื่อศึกษาสาเหตุของปัญหา
  2. เพื่อศึกษาข้อมูลขององค์กร ผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่เลือก 
  3. เพื่อเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหา

ซึ่งรูปแบบทั้งหมดที่กล่าวอาจจะเลือกมาใช้ข้อใดข้อหนึ่ง หรืออาจจะนำมาใช้ทั้งหมดก็ได้

3. การตั้งสมมุติฐาน

การตั้งสมมติฐานถือเป็นการตั้งข้อสังเกตุ ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนั้นการตั้งสมมติฐานจึงเป็นการคาดคะเนคำตอบเพื่อแก้ไขปัญหานั้นนั่นเอง สมมติฐานจึงเป็นเครื่องมือที่จะนำไปสู่การพิสูจน์ค้นหาความจริงในการศึกษาค้นคว้า ด้วยกระบวนการวิจัย   ซึ่งในบทความนี้สามารถแบ่งการตั้งสมมติฐานออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

  1. สมมติฐานการวิจัย (Research Hypothesis or Descriptive Hypothesis) เป็นข้อความที่เขียนในลักษณะบรรยายหรือคาดคะเนคำตอบของการวิจัย  ซึ่งข้อความดังกล่าวจะแสดงถึงความเกี่ยวข้องกันของตัวแปรในรูปของความมสัมพันธ์ หรือในรูปของความแตกต่างที่ได้คาดคะเนไว้ 
  2. สมมติฐานทางสถิติ (Statistical Hypothesis) เป็นสมมติฐานที่แปลงรูปมาจากสมมติฐานการวิจัยอยู่ในรูปแบบทางคณิตศาสตร์ โดยมีการแทนค่าด้วยสัญลักษณ์ซึ่งจะเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้วิจัยรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง และจะอ้างอิงไปสู่กลุ่มประชากรโดยการทดสอบสมมติฐาน

4. ขอบเขตการวิจัย

การระบุขอบเขตการวิจัย เป็นการกำหนดขอบเขตว่าสิ่งใดควรที่จะมีในงานวิจัยหรือไม่ควรมี โดยผู้วิจัยจะต้องเขียนออกมาเป็นข้อๆ หรืออาจเป็นการเขียนพรรณนา เพื่อให้กระบวนการวิจัยเฉพาะเจาะจงและครอบคลุมขึ้นได้ ซึ่งผู้วิจัยอาจพิจารณาจากปัญหา และวัตถุประสงค์ที่ได้ทำการศึกษาในเรื่องนั้นๆ เช่น กลุ่มของประชากร เพศ หรือช่วงอายุ ซึ่งขอบเขตนั้นจะต้องไม่มากจนเกินไป หรือแคบจนไม่เหมาะสมกับงานที่กำลังทำ และจะต้องสามารถทำให้งานวิจัยเสร็จทันภายในกำหนด 1 ภาคเรียน

ภาพจาก pexels.com

5. คำนิยามศัพท์เฉพาะ

คำนิยามศัพท์เฉพาะเป็นการสื่อสารคำ และข้อความที่ใช้ในการวิจัยเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องระหว่างผู้วิจัยกับผู้อ่าน โดยการเขียนคำนิยามศัพท์เฉพาะผู้วิจัยจะต้องเขียนให้สอดคล้องกับแนวความคิดทางทฤษฏีที่ได้ทำการศึกษา หรือไม่คำนิยามศัพท์เฉพาะนั้นจะต้องสามารถปฏิบัติหรือวัดได้ เพื่อชี้นำไปสู่การวัดตัวแปรของงาน อาจกล่าวได้ว่าการนิยามศัพท์ถือว่าเป็นตัวที่ใช้บ่งชี้เฉพาะเจาะจงปัญหาการวิจัย ซึ่งสามารถแบ่งนิยามศัพท์เฉพาะออกเป็น 2 แบบด้วยกัน คือ

  1. นิยายศัพท์ตามทฤษฎี (Constitutive definition) หรือนิยามศัพท์ทั่วไป (General definition) เป็นการอาศัยแนวคิดเดิมที่ได้รับการยอมรับทั่วไปหรือใช้ตามทฤษฎีที่ผู้เชี่ยวชาญได้ให้ความหมายเฉพาะของคำศัพท์นั้นไว้
  2. นิยามศัพท์ปฏิบัติการ (Operational definition) เป็นการให้ความหมายในการอธิบายลักษณะของกิจกรรมที่สามารถวัด และสังเกตของตัวแปรนั้นได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับศัพท์เฉพาะของตัวแปรที่เป็นนามธรรม ซึ่งตัวแปรที่เป็นนามธรรมจะต้องให้คำนิยามทั้งระดับนิยามศัพท์ทั่วไป และนิยามศัพท์ปฏิบัติการ หากใช้นิยามศัพท์ของผู้อื่นจะต้องทำการเขียนอ้างอิงถึงบุคคลที่นำมาด้วย 

6. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากงานวิจัย

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากงานวิจัยจะเป็นหัวข้อสุดท้ายของบทที่ 1 เป็นการเสนอแนวทางให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการวิจัย และประโยชน์ที่เกิดจากการที่ได้นำไปใช้ โดยผู้วิจัยจะต้องเขียนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และต้องอยู่ในขอบเขตของการวิจัยที่จะทำการศึกษา ซึ่งประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากงานวิจัยในครั้งนี้ จะต้องเขียนให้สั้น กะทัดรัด ชัดเจน และจะต้องมีความเป็นไปได้ของสิ่งที่จะเกิดขึ้น อาจจะเขียนพรรณนาเป็นย่อหน้าโดยไม่ต้องแยกเป็นข้อก็ได้

จากขั้นตอนที่ได้กล่าวมาข้างต้น อาจเป็นประโยชน์ในการนำไปสู่การพัฒนาการเขียนบทที่ 1 ที่ดีขึ้นของนักวิจัยมือใหม่ได้ หากผู้วิจัยทำตามเคล็ดลับในบทความที่ได้กล่าวไว้ใน 6 หัวข้อนี้ หากผู้วิจัยไม่มั่นใจสามารถหาผู้เชี่ยวชาญที่สามารถช่วยท่านได้ หรือขอคำแนะนำจากอาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อจะได้นำมาปรับปรุงแก้ไขในงานวิจัยต่อไปได้

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

วิทยานิพนธ์บทที่ 1 ทำอย่างไร

การเขียนวิทยานิพนธ์บทที่ 1 ทำยากไหม มีขั้นตอนการทำอย่างไร?

การเขียนบทที่ 1 ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการทำวิทยานิพนธ์ เนื่องจากว่าผู้ศึกษาจะต้องไปศึกษาว่าหลักการของการทำวิทยานิพนธ์ในเรื่องที่ทำมีความสำคัญอย่างไร มีปัญหาอย่างไร ทำไมถึงต้องทำเรื่องนี้ ซึ่งการศึกษาดังกล่าวจะทำให้ผู้ศึกษาสามารถชี้ประเด็นให้เห็นถึงปัญหาของเรื่องที่ศึกษาได้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นผู้ศึกษาจะต้องทำการศึกษาว่าในบทที่ 1 นั้นจะต้องมีส่วนประกอบที่สำคัญอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นภูมิหลังของการวิจัย การตั้งจุดมุ่งหมายของการวิจัย ประโยชน์ของการวิจัย กรอบแนวคิด ขอบเขตของงานวิจัย ซึ่งท่านจะสามารถนำขั้นตอน และเทคนิคในการทำวิทยานิพนธ์บทที่ 1 ที่กล่าวไว้้ในบทความนี้ไปปรับใช้ได้ ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. การเขียนภูมิหลังของการวิจัย

ภูมิหลังของการวิจัยหรือบทนำนั้นเปรียบเสมือนการเล่าเรื่องให้ผู้้อ่านฟัง ดังนั้นภูมิหลังจะทำหน้าที่เป็นการแนะนำให้ผู้ที่เข้ามาอ่านงานของผูู้ที่ศึกษาได้รู้ความเป็นมา หลักการ เหตุผล ความสำคัญ และปัญหาของวิทยานิพนธ์ เป็นการตอบคำถามที่ว่าทำไมถึงผู้ศึกษาถึงจะต้องทำเรื่องนี้ขึ้นมา โดยทั่วไปจะเขียนประมาณ 3-5 หน้า และจะมีย่อหน้าไม่เกิน 7 ย่อหน้า และแต่ละย่อหน้าต้องมีเนื้อหาที่เนื้อหาที่สอดคล้องกับชื่อเรื่องที่ผูู้ศึกษาจะทำ ซึ่งเทคนิคในการเขียนภูมิหลังที่ดี ต้องชี้เห็นถึงปัญหาความสำคัญชัดเจนของประเด็นที่ศึกษา ชี้ถึงแนวโน้มในอนาคต มีการใช้ภาษาที่ถูกต้องในการเขียน  และจะไม่มีกฏเกณฑ์ที่ตายตัวในการเขียน แต่ประเด็นต้องมีความชัดเจน สั้น ได้ใจความที่สำคัญชี้ถึงปัญหา และอยู่ในกรอบของการวิจัยที่ตั้งไว้ เพื่อที่จะได้ไม่หลงประเด็นในการเขียน

2. การเขียนวัตถุประสงค์ หรือจุดมุ่งหมายของงานวิจัย

การเขียนวัตถุประสงค์หรือการตั้งจุดมุ่งหมายของงานวิจัย จะตั้งเป็นข้อหรือไม่เป็นข้อก็ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะทำการศึกษา โดยการตั้งจุดมุ่งหมายของงานวิจัยต้องมามาจากเรื่อง และตัวแปรของการวิจัยโดยจะขึ้นต้นด้วยคำว่า “เพื่อ…” แล้วตามด้วยชื่อวิจัย ซึ่งเทคนิคในการตั้งจุดมุ่งหมายต้องมีความชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่ซ้ำซ้อน เป็นประโยคบอกเล่า สามารถตรวจสอบหรือทดสอบได้ และมีความสัมพันธ์ระหว่างประเด็นหรือหัวข้อจุมุ่งหมายของวิจัย

3.ประโยชน์ของการวิจัย

ประโยชน์ของการวิจัยนั้นเป็นตัวที่บ่งชี้ว่า หลังจากที่ทำเสร็จแล้วผู้ศึกษาจะได้อะไรจากงานบ้าง ซึ่งเป็นผลที่คาดว่าจะได้รับ ซึ่งเทคนิคในการตั้งประโยชน์ของการวิจัยควรอยู่ในขอบเขตการวิจัย ไม่ควรอ้างประโยชน์ของการวิจัยที่เกินขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษา ควรเขียนความสำคัญให้ชัดเจน และสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของการวิจัย

4. กรอบแนวคิดของการวิจัย

กรอบแนวคิดของการวิจัย ถือเป็นแผนที่ของการทำวิจัยเลยก็ว่าได้ ส่วนใหญ่จะพบในงานวิจัยเชิงปริมาณ ซึ่งกรอบแนวคิดจะต้องระบุว่างานวิจัยชิ้นดังกล่าวมีตัวแปรอะไรบ้าง และตัวแปรแต่ละอย่างที่เลือกมาศึกษาจะต้องมีความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร และแต่ละตัวแปรที่เลือกมาศึกษาจะต้องมีความสอดคล้องกับตรงกับทฤษฎีที่เลือกมาศึกษา หรือเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราจะศึกษา

5. ขอบเขตของการวิจัย

ขอบเขตของการวิจัยเป็นการระบุว่าวิจัยนั้นจะทำในเรื่องอะไร มีขอบเขตที่กว้างหรือแคบ จะทำการศึกษากับใคร จะมีส่วนประกอบย่อยได้แก่ ประชากรที่ใช้ในการวิจัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ เนื้อหาที่ใช้ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในการวิจัยเชิงทดลอง ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยจะแบ่งเป็นตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลองว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนจบใช้เวลาเท่าไร

6. สมมติฐานของการวิจัย

สมมติฐานการวิจัยจะเป็นกล่าวถึงข้อสันนิฐาน การคาดคะเนผลการวิจัยนั้น ว่าค้นพบอย่างไร โดยจะต้องเขียนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ต้องสอดคล้องกับจุดมุ่งหมาย สามารถกำหนดทิศทางของความสัมพันธ์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งผูู้ศึกษาจะต้องสามารถทดสอบสมมติฐานดังกล่าวได้จากหลักการและเหตุผลทางทฤษฎีที่ได้้ศึกษามา และต้องใช้ภาษาที่ชัดเจน เข้าใจง่าย และรัดกุม

7. นิยามศัพท์เฉพาะ

นิยามศัพท์นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องมีในงานวิจัย เพราะงานวิจัยแต่ละงานจะมีการให้นิยาม ความหมายของคำหรือบริบทในเรื่องที่ศึกษาที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นคำบางคำผู้ศึกษาอาจไม่สามารถที่จะอธิบายข้อเท็จจริงทั้งหมดได้ การให้คำอธิบายเพื่อขยายความคำศัพท์คำนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะอธิบายให้ผู้อ่านได้เข้างานของเราได้อย่างถูกต้อง และตรงประเด็นมากที่สุด ซึ่งเทคนิคในการเขียนนิยามศัพท์ ผู้ศึกษาจะต้องเลือกตัวแปรที่เกี่ยวข้อง หรือเลือกคำที่ต้องการจะเน้นให้ผู้อ่านเข้าใจ มาอธิบายหรือขยายความให้ตรงกับความหมายที่ผู้ศึกษาต้องการจะสื่อสาร แต่ถ้าคำศัพท์ดังกล่าวยกมาจากบุคคลอื่นก็ควรที่จะใส่อ้างอิงด้วย และต้องเขียนศัพท์ภาษาอังกฤษกำกับไว้ด้วย เพื่อให้เครดิตแก่บุคคลที่ศึกษามา

หากทำตามเทคนิคต่างๆ ที่ผู้เขียนได้กล่าวไว้ในบทความนี้ ผู้ศึกษาที่พึ่งเริ่มต้นและยังไร้ทิศทางในการเขียนบทที่ 1 ก็จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานวิจัยที่ท่านกำลังเขียนอยู่ได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ และอาจเป็นแผนนำทางที่ดีในการเริ่มต้นที่จะทำวิทยานิพนธ์ให้ประสบความสำเร็จจนจบการศึกษานี้ได้เลยค่ะ

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

การเขียนวิทยานิพนธ์บทที่ 1

การเขียนวิทยานิพนธ์บทที่ 1 ทำยากไหม มีขั้นตอนการทำอย่างไร

การเขียนบทที่ 1 ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการทำวิทยานิพนธ์ มีหลักการว่าวิทยานิพนธ์ที่ทำมีความสำคัญและปัญหาอย่างไรถึงต้องทำเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องนี้ การแสดงให้เห็นถึงปัญหาที่ชัดเจน มีส่วนประกอบที่สำคัญ ดังนี้ ภูมิหลัง จุดมุ่งหมายของการวิจัย ความสำคัญของวิจัย กรอบแนวคิด ขอบเขตของงานวิจัย ท่านจะสามารถนำขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์บทที่ 1 ดังต่อไปนี้

1. การเขียนภูมิหลังที่ดี

ภูมิหลังจะทำหน้าที่แนะนำให้ผู้อ่านงานได้รู้ความเป็นมา หลักเหตุผล ความสำคัญ และปัญหาของวิทยานิพนธ์ เป็นการตอบคำถามที่ว่าทำไมถึงทำเรื่องนี้ขึ้นมา โดยทั่วไปจะเขียนประมาณ 3-5 หน้า และจะมีย่อหน้าไม่เกิน 7 ย่อหน้า ให้มีเนื้อหาที่สอดคล้องกับชื่อเรื่องที่ทำ ต้องชี้ถึงปัญหาความสำคัญชัดเจน ชี้ถึงแนวโน้มในอนาคต ภูมิหลังที่ดีต้องอยู่ในกรอบของวิจัย ให้ภาษาที่ถูกต้องในการเขียน การเขียนภูมิหลังไม่มีกฏเกณฑ์ที่ตายตัวของแค่ความชัดเจนสั้นได้ใจความที่สำคัญชี้ถึงปัญหา และให้อยู่ในกรอบของการวิจัยที่ตั้งไว้

2. การเขียนวัตถุประสงค์ หรือจุดมุ่งหมายของงานวิจัย

การตั้งจุดมุ่งหมายจะตั้งเป็นข้อหรือไม่เป็นข้อก็ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะทำการศึกษา จุดมุ่งหมายของงานวิจัยมาจากเรื่อง และตัวแปรของการวิจัยเอามาตั้งเป็นจุดมุ่งหมาย ส่วนให้การตั้งจุดมุ่งหมายจะขึ้นต้นด้วยคำว่า “เพื่อ…” แล้วตามด้วยชื่อวิจัย การตั้งจุดมุ่งหมายต้องมีความชัดเจนเข้าใจง่ายไม่ซ้ำซ้อน เป็นประโยคบอกเล่า สามารถตรวจสอบหรือทดสอบได้ และมีความสัมพันธ์ระหว่างประเด็นหรือหัวข้อจุดมุ่งหมายของวิจัย

3. การเขียนความสำคัญของการวิจัย

เป็นตัวที่บ่งชี้ว่าหลังจากที่ทำเสร็จแล้วจะได้อะไรจากงานบ้าง ความสำคัญของการวิจัยเป็นผลที่คาดว่าจะได้รับ อยู่ในขอบเขตไม่ควรอ้างความสำคัญของการวิจัยเกินขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาเขียนความสำคัญให้ชัดเจน และสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของการวิจัย

4. กรอบแนวคิดของการวิจัย

ถือว่ามีความสำคัญหรือไม่มีก็ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องที่จะศึกษา และประเภทของงานวิจัย กรอบแนวคิดต้องระบุว่ามีตัวแปรอะไรบ้าง และตัวแปรแต่ละอย่างที่เลือกมาศึกษาจะต้องมีความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร และแต่ละตัวแปรที่เลือกมาศึกษาจะต้องมีพื้นฐานทางทฤษฏีความมีเหตุมีผล หรือเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราจะศึกษา

5. ขอบเขตของการวิจัย

เป็นการระบุว่าวิจัยนั้นจะทำในเรื่องอะไร มีขอบเขตที่กว้างหรือแคบ จะทำการศึกษากับใคร จะมีส่วนประกอบย่อยได้แก่ ประชากรที่ใช้ในการวิจัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ เนื้อหาที่ใช้ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในการวิจัยเชิงทดลอง ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยจะแบ่งเป็นตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลองว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนจบใช้เวลาเท่าไร

6. สมมติฐานของการวิจัย

จะเป็นกล่าวถึงข้อสันนิฐานคาดคะเนผลการวิจัยนั้นว่าค้นพบอย่างไร เขียนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงต้องสอดคล้องกับจุดมุ่งหมาย กำหนดทิศทางของความสัมพันธ์ที่ชัดเจนไม่ควรเขียนในรูปของสมมติฐานสามารถทดสอบได้เขียนจากหลักการและเหตุผล และยังคงใช้ภาษาที่ชัดเจน เข้าใจง่าย และรัดกุม

7. นิยามศัพท์เฉพาะ

มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะผู้ที่วิจัยไม่สามารถที่จะอธิบายข้อเท็จจริงทั้งหมดได้ การให้คำอธิบายที่จำเป็นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ให้เลือกตัวแปรที่เกี่ยวข้องเน้นให้ผู้อ่านเข้าใจ สามารถเลือกใช้งานที่เหมาะสม ถ้ายกมาจากบุคคลอื่นควรที่จะใส่อ้างอิงถึง และต้องเขียนศัพท์ภาษาอังกฤษกำกับไว้ด้วย

หากทำตามวิธีที่บอกไว้ข้างต้นก็จะเป็นการเริ่มต้นการเขียนวิทยานิพนธ์บทที่ 1ได้อย่างรวดเร็วถูกต้องแม่นยำ สามารถประยุกต์ใช้กับงานวิจัยที่เขียนทำให้เขียนบทที่ 1 เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาทันที

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)