IRR หรือ Internal Rate of Return คือ อัตราผลตอบแทนภายใน เป็นตัวชี้วัดผลตอบแทนจากการลงทุน โดยคำนวณจากมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value: NPV) ของกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน โดยหาก NPV มีค่าเป็นบวก แสดงว่าการลงทุนนั้นมีผลตอบแทนที่สูงกว่าต้นทุนการลงทุน และหาก NPV มีค่าเป็นลบ แสดงว่าการลงทุนนั้นมีผลตอบแทนที่น้อยกว่าต้นทุนการลงทุน
บทความนี้เราจะสำรวจ IRR เคล็ดลับลงทุนให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด เพราะ IRR มีความสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุน เป็นตัวช่วยในการเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุนที่แตกต่างกัน โดยหาก IRR ของการลงทุนหนึ่งสูงกว่า IRR ของการลงทุนอีกอย่างหนึ่ง แสดงว่าการลงทุนแรกมีผลตอบแทนที่ดีกว่า
IRR เคล็ดลับลงทุนให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด
- กำหนดเป้าหมายผลตอบแทน
การกำหนดเป้าหมายผลตอบแทนเป็นขั้นตอนที่สำคัญก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะเป้าหมายผลตอบแทนจะเป็นตัวกำหนดว่าควรลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใด และควรลงทุนในระยะเวลาเท่าใด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคลที่ต้องการ
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการกำหนดเป้าหมายผลตอบแทน ได้แก่
- ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ นักลงทุนควรพิจารณาระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ก่อนกำหนดเป้าหมายผลตอบแทน เพราะการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูงมักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงสูงเช่นกัน
- ระยะเวลาการลงทุน ระยะเวลาการลงทุนมีผลต่อผลตอบแทนจากการลงทุน โดยการลงทุนในระยะยาวมักจะมีผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในระยะสั้น
- เป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล นักลงทุนควรกำหนดเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคลก่อนกำหนดเป้าหมายผลตอบแทน เพราะเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคลจะเป็นตัวกำหนดว่าควรลงทุนเพื่ออะไร เช่น การลงทุนเพื่อเกษียณอายุ การลงทุนเพื่อการศึกษาบุตร เป็นต้น
ตัวอย่างการกำหนดเป้าหมายผลตอบแทน
- นักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูง และต้องการผลตอบแทนสูงเพื่อลงทุนเพื่อเกษียณอายุ อาจกำหนดเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 10% ต่อปี
- นักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ปานกลาง และต้องการผลตอบแทนที่สม่ำเสมอเพื่อลงทุนเพื่อการศึกษาบุตร อาจกำหนดเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 5% ต่อปี
- นักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ และต้องการผลตอบแทนที่ปลอดภัยเพื่อลงทุนเพื่อใช้จ่ายยามเกษียณ อาจกำหนดเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 3% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายผลตอบแทนที่ตั้งไว้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม โดยอาจปรับเป้าหมายผลตอบแทนขึ้นหรือลงตามปัจจัยต่างๆ เช่น สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของความเสี่ยง หรือการปรับเปลี่ยนเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล เป็นต้น
เคล็ดลับในการกำหนดเป้าหมายผลตอบแทน
- กำหนดเป้าหมายผลตอบแทนที่เป็นไปได้และสมจริง โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ
- กำหนดเป้าหมายผลตอบแทนที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล
- ทบทวนและปรับเป้าหมายผลตอบแทนตามสถานการณ์ที่เหมาะสม
การกำหนดเป้าหมายผลตอบแทนอย่างรอบคอบจะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคลที่ต้องการ
- คำนวณ IRR ของการลงทุน
เมื่อกำหนดเป้าหมายผลตอบแทนได้แล้ว ก็ควรคำนวณ IRR ของการลงทุนแต่ละประเภท โดยพิจารณาจากกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน
ตัวอย่างการคำนวณ IRR ของการลงทุน
สมมติว่านักลงทุนมีแผนลงทุนในหุ้นของบริษัทแห่งหนึ่ง โดยคาดว่าจะได้รับเงินปันผลปีละ 10,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี และคาดว่าราคาหุ้นจะสูงขึ้นจากราคาซื้อ 100 บาท เป็นราคา 120 บาท เมื่อครบกำหนด 5 ปี ต้นทุนการลงทุนของหุ้นอยู่ที่ 100,000 บาท
วิธีการคำนวณ IRR ของการลงทุน
มีวิธีการคำนวณ IRR ของการลงทุนอยู่หลายวิธี ดังนี้
- วิธีใช้สูตร เป็นการหาค่า IRR โดยใช้สูตรคำนวณ IRR
- วิธีใช้เครื่องคิดเลข เครื่องคิดเลขบางรุ่นมีฟังก์ชันสำหรับคำนวณ IRR อยู่แล้ว
- ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีฟังก์ชันสำหรับคำนวณ IRR จะช่วยให้การคำนวณ IRR เป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว
ข้อควรระวังในการคำนวณ IRR ของการลงทุน
- การคำนวณ IRR ของการลงทุนขึ้นอยู่กับกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน ซึ่งอาจมีความไม่แน่นอน ดังนั้น IRR ที่คำนวณได้อาจมีค่าไม่แน่นอนเช่นกัน
- การคำนวณ IRR ของการลงทุนอาจใช้เวลานาน หากกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนมีจำนวนมาก
- เลือกการลงทุนที่มี IRR สูงกว่าเป้าหมาย
เมื่อคำนวณ IRR ของการลงทุนแต่ละประเภทได้แล้ว ก็ควรเลือกลงทุนในการลงทุนที่มี IRR สูงกว่าเป้าหมายผลตอบแทนที่ตั้งไว้ การลงทุนที่มี IRR สูงกว่าเป้าหมายผลตอบแทนแสดงว่าการลงทุนนั้นมีผลตอบแทนที่สูงกว่าที่นักลงทุนคาดหวังไว้
ตัวอย่างการเลือกการลงทุนที่มี IRR สูงกว่าเป้าหมาย
จากตัวอย่างการคำนวณ IRR ของการลงทุนหุ้นของบริษัทแห่งหนึ่งข้างต้น พบว่า IRR ของการลงทุนอยู่ที่ 10.50% ต่อปี หากนักลงทุนกำหนดเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 10% ต่อปี ก็ควรเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทแห่งนี้ เพราะการลงทุนนี้มี IRR ที่สูงกว่าเป้าหมายผลตอบแทนที่ตั้งไว้
อย่างไรก็ตาม การเลือกการลงทุนที่มี IRR สูงกว่าเป้าหมายเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ความเสี่ยงของการลงทุน ระยะเวลาการลงทุน และความยืดหยุ่นของการลงทุน เป็นต้น
ปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณาในการเลือกการลงทุน
- ความเสี่ยงของการลงทุน การลงทุนที่มีผลตอบแทนสูงมักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรพิจารณาระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ก่อนตัดสินใจลงทุน
- ระยะเวลาการลงทุน ระยะเวลาการลงทุนมีผลต่อผลตอบแทนจากการลงทุน โดยการลงทุนในระยะยาวมักจะมีผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในระยะสั้น
- ความยืดหยุ่นของการลงทุน การลงทุนที่มีความยืดหยุ่นสูงจะช่วยให้นักลงทุนสามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ข้อสรุป
การเลือกการลงทุนที่มี IRR สูงกว่าเป้าหมายเป็นแนวทางหนึ่งในการช่วยตัดสินใจลงทุน แต่ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เพื่อให้ได้การลงทุนที่มีประสิทธิภาพและได้ผลตอบแทนสูงสุด
- พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย
นอกจาก IRR แล้ว นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วยในการเลือกการลงทุน เพื่อให้ได้การลงทุนที่มีประสิทธิภาพและได้ผลตอบแทนสูงสุด ปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณา ได้แก่
- ความเสี่ยงของการลงทุน
การลงทุนที่มีผลตอบแทนสูงมักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรพิจารณาระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ก่อนตัดสินใจลงทุน โดยนักลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำควรเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือ เงินฝากประจำ ส่วนนักลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงอาจเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้น หรือ กองทุนรวมหุ้น
- ระยะเวลาการลงทุน
ระยะเวลาการลงทุนมีผลต่อผลตอบแทนจากการลงทุน โดยการลงทุนในระยะยาวมักจะมีผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในระยะสั้น นักลงทุนควรพิจารณาระยะเวลาที่ต้องการการลงทุนและเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคลก่อนตัดสินใจลงทุน
- ความยืดหยุ่นของการลงทุน
การลงทุนที่มีความยืดหยุ่นสูงจะช่วยให้นักลงทุนสามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย นักลงทุนจะสามารถปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนได้ตามความต้องการ
- ความเหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล
นักลงทุนควรพิจารณาเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคลก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะการลงทุนแต่ละประเภทมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกัน นักลงทุนควรเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการ
- ความสะดวกในการลงทุน
นักลงทุนควรพิจารณาความสะดวกในการลงทุนด้วย เช่น การลงทุนในกองทุนรวม นักลงทุนสามารถลงทุนได้ง่าย ผ่านตัวแทนจำหน่ายหรือธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
- ค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการลงทุน เช่น ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม ค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุน เป็นต้น นักลงทุนควรพิจารณาค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการลงทุนด้วย เพื่อไม่ให้กระทบต่อผลตอบแทนจากการลงทุน
- ข้อมูลข่าวสาร
นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนอย่างรอบคอบ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่ลงทุน ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของการลงทุน ข้อมูลเกี่ยวกับผลตอบแทนของการลงทุน เป็นต้น เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
ข้อสรุป
การพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วยในการเลือกการลงทุนจะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนได้อย่างรอบคอบ และมีโอกาสประสบความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล
ข้อควรระวังในการใช้ IRR
IRR เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการช่วยตัดสินใจลงทุน แต่มีข้อควรระวังบางประการดังนี้
- IRR เป็นเพียงตัวชี้วัดผลตอบแทนจากการลงทุนเพียงอย่างเดียว ไม่ได้พิจารณาถึงความเสี่ยงของการลงทุน
IRR ไม่ได้พิจารณาถึงความเสี่ยงของการลงทุน ซึ่งการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูงมักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงของการลงทุนควบคู่ไปกับ IRR ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน
- IRR อาจมีค่าไม่แน่นอน หากกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนมีความไม่แน่นอน
IRR ขึ้นอยู่กับกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน หากกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนมีความไม่แน่นอน IRR ที่คำนวณได้อาจมีค่าไม่แน่นอนเช่นกัน
- IRR อาจมีค่าไม่ถูกต้อง หากระยะเวลาการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลง
IRR คำนวณจากกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนตลอดอายุโครงการ หากระยะเวลาการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลง IRR ที่คำนวณได้อาจมีค่าไม่ถูกต้องเช่นกัน
ตัวอย่างข้อควรระวังในการใช้ IRR
สมมติว่านักลงทุนมีแผนลงทุนในหุ้นของบริษัทแห่งหนึ่ง โดยคาดว่าจะได้รับเงินปันผลปีละ 10,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี และคาดว่าราคาหุ้นจะสูงขึ้นจากราคาซื้อ 100 บาท เป็นราคา 120 บาท เมื่อครบกำหนด 5 ปี ต้นทุนการลงทุนของหุ้นอยู่ที่ 100,000 บาท
หากนักลงทุนกำหนดเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 10% ต่อปี พบว่า IRR ของการลงทุนอยู่ที่ 10.50% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายผลตอบแทนที่ตั้งไว้ ดังนั้น นักลงทุนจึงตัดสินใจลงทุนในหุ้นของบริษัทแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม หากกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนเปลี่ยนแปลงไป เช่น คาดว่าจะได้รับเงินปันผลปีละ 12,000 บาทแทน หรือคาดว่าราคาหุ้นจะสูงขึ้นเป็นราคา 130 บาท เมื่อครบกำหนด 5 ปี เป็นต้น IRR ของการลงทุนอาจเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนในหุ้นของบริษัทแห่งนี้ผิดพลาดได้
สรุป
IRR เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการช่วยตัดสินใจลงทุน แต่ควรพิจารณาข้อควรระวังต่างๆ ข้างต้น ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน เพื่อให้การลงทุนมีประสิทธิภาพและได้ผลตอบแทนสูงสุด