เจาะลึกการวิจัยเชิงผสม: เข้าใจกลไก เบื้องหลัง และประโยชน์

การวิจัยเชิงผสม (Mixed Methods Research) เป็นวิธีการวิจัยที่ผสมผสานทั้งวิธีเชิงปริมาณ (Quantitative) และเชิงคุณภาพ (Qualitative) เข้าด้วยกัน กลยุทธ์นี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถมองปัญหาจากหลายแง่มุม เพิ่มความลึกซึ้ง และความครอบคลุมของผลการวิจัย บทความนี้มุ่งนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับกลไกเบื้องหลังการวิจัยเชิงผสม ประโยชน์ และตัวอย่างการประยุกต์ใช้

กลไกเบื้องหลัง

การวิจัยเชิงผสมมี 3 กลไกหลัก ดังนี้

  1. การผสมผสาน: เป็นการรวมวิธีเชิงปริมาณ (เช่น การสำรวจ สถิติ) กับวิธีเชิงคุณภาพ (เช่น การสัมภาษณ์ การวิเคราะห์เนื้อหา) เข้าด้วยกัน
  2. การประสาน: เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลจากวิธีเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
  3. การขยาย: เป็นการใช้ข้อมูลจากวิธีหนึ่งเพื่อสนับสนุนหรือขยายผลอีกวิธี

ประโยชน์

การวิจัยเชิงผสมมีประโยชน์หลายประการ ดังนี้

  • เพิ่มความครอบคลุม: ช่วยให้นักวิจัยมองปัญหาจากหลายแง่มุม
  • เพิ่มความลึกซึ้ง: ช่วยให้เข้าใจบริบทและกลไกเบื้องหลังปรากฏการณ์
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือ: ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของผลการวิจัย
  • เพิ่มประสิทธิภาพ: ช่วยให้ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้

การวิจัยเชิงผสมสามารถประยุกต์ใช้ในหลากหลายสาขาวิชา ตัวอย่างเช่น

  • การศึกษา: ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อผลการเรียนของนักเรียน โดยใช้ทั้งแบบสอบถามและการสัมภาษณ์
  • สาธารณสุข: ศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้บริการโรงพยาบาล โดยใช้ทั้งแบบสอบถามและกลุ่มสนทนา
  • ธุรกิจ: ศึกษาความต้องการของลูกค้า โดยใช้ทั้งการสำรวจและการสัมภาษณ์เชิงลึก

สรุป

การวิจัยเชิงผสมเป็นวิธีการวิจัยที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้นักวิจัยเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้งและครอบคลุม กลยุทธ์นี้สามารถประยุกต์ใช้ในหลากหลายสาขาวิชา