การวิจัยเชิงผสม (Mixed Methods Research) กลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับนักวิจัยที่ต้องการเข้าใจปรากฏการณ์อย่างลึกซึ้ง ด้วยการผสมผสานระหว่างวิธีเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ช่วยให้นักวิจัยสามารถมองภาพรวมที่ครอบคลุมและตอบคำถามที่ซับซ้อน
บทความนี้มุ่งเน้นไปที่การไขรหัสรูปแบบหลัก 5 รูปแบบของการออกแบบการวิจัยเชิงผสม:
1. การวิจัยแบบผสมผสานเชิงลำดับ (Sequential Mixed Methods)
- รูปแบบนี้ใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพตามลำดับ
- เหมาะสำหรับการวิจัยที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกจากวิธีเชิงคุณภาพ เพื่ออธิบายผลลัพธ์ที่ได้จากวิธีเชิงปริมาณ
- ตัวอย่าง: ศึกษาความพึงพอใจของลูกค้า (เชิงปริมาณ) followed by การสัมภาษณ์เชิงลึกกับลูกค้ากลุ่มตัวอย่าง (เชิงคุณภาพ)
2. การวิจัยแบบผสมผสานเชิงพร้อมคู่ (Concurrent Mixed Methods)
- รูปแบบนี้ใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพพร้อมกัน
- เหมาะสำหรับการวิจัยที่ต้องการเปรียบเทียบและตรวจสอบข้อมูลจากทั้งสองวิธี
- ตัวอย่าง: การศึกษารูปแบบการใช้ชีวิตของวัยรุ่น (เชิงปริมาณ) ควบคู่ไปกับ การสัมภาษณ์กลุ่มวัยรุ่น (เชิงคุณภาพ)
3. การวิจัยแบบผสมผสานเชิงฝัง (Embedded Mixed Methods)
- รูปแบบนี้ใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณเป็นหลัก และแทรกวิธีเชิงคุณภาพในบางจุด
- เหมาะสำหรับการวิจัยที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมจากวิธีเชิงคุณภาพ เพื่อสนับสนุนผลลัพธ์เชิงปริมาณ
- ตัวอย่าง: การศึกษากลยุทธ์การเรียนรู้ของนักเรียน (เชิงปริมาณ) แทรกด้วย การสัมภาษณ์นักเรียนเชิงลึก
4. การวิจัยแบบผสมผสานเชิงริเริ่ม (Transformative Mixed Methods)
- รูปแบบนี้เน้นการผสมผสานข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เพื่อสร้างทฤษฎีใหม่
- เหมาะสำหรับการวิจัยที่ต้องการสร้างความรู้ใหม่ เกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ซับซ้อน
- ตัวอย่าง: การศึกษาประสบการณ์ของผู้ป่วยโรคมะเร็ง (เชิงคุณภาพ) ผสมผสานกับ ข้อมูลสถิติเกี่ยวกับอัตราการรอดชีวิต (เชิงปริมาณ) เพื่อสร้างทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับการเผชิญกับโรคมะเร็ง
5. การวิจัยแบบผสมผสานเชิงพหุวิธี (Multi-Method Mixed Methods)
- รูปแบบนี้ใช้วิธีการวิจัยมากกว่าสองวิธี ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
- เหมาะสำหรับการวิจัยที่ต้องการมุมมองที่หลากหลาย เกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ซับซ้อน
- ตัวอย่าง: การศึกษาปัญหาความยากจน (เชิงปริมาณ) ผสมผสานกับ การสัมภาษณ์เชิงลึก การวิเคราะห์เอกสาร และการสังเกตการณ์ (เชิงคุณภาพ)
สรุป:
การเลือกใช้รูปแบบการออกแบบการวิจัยเชิงผสม ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ คำถามการวิจัย และประเภทของข้อมูล การเข้าใจรูปแบบหลัก 5 รูปแบบ ช่วยให้นักวิจัยเลือกวิธีการที่เหมาะสม และออกแบบการวิจัยเชิงผสมที่มีประสิทธิภาพ