1. ประเภทของงานวิจัย
งานวิจัยแต่ละประเภทมีความยากง่ายและซับซ้อนแตกต่างกัน ส่งผลต่อราคาค่าบริการ ยกตัวอย่างเช่น
- งานวิจัยเชิงปริมาณ มักมีราคาสูงกว่างานวิจัยเชิงคุณภาพ
- งานวิจัยที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษหรือเทคนิคที่ซับซ้อน มักมีราคาสูงกว่างานวิจัยที่ใช้วิธีการทั่วไป
2. ระยะเวลาในการทำงาน
งานวิจัยที่ต้องใช้เวลานาน ย่อมมีค่าใช้จ่ายมากกว่างานวิจัยที่ใช้เวลาสั้น
3. ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง
งานวิจัยที่ต้องใช้กลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ ย่อมมีค่าใช้จ่ายมากกว่างานวิจัยที่ใช้กลุ่มตัวอย่างขนาดเล็ก
4. ประสบการณ์และผลงานของบริษัท
บริษัทที่มีประสบการณ์และผลงานดี มักมีราคาค่าบริการสูงกว่าบริษัทที่เพิ่งเริ่มต้น
5. บริการเพิ่มเติม
บริษัทบางแห่งเสนอบริการเพิ่มเติม เช่น การแปลภาษา การจัดพิมพ์ ฯลฯ ซึ่งจะเพิ่มค่าใช้จ่าย
6. เงื่อนไขการชำระเงิน
บริษัทบางแห่งอาจเสนอส่วนลดสำหรับการชำระเงินเต็มจำนวนล่วงหน้า
7. โปรโมชั่น
บริษัทบางแห่งอาจมีโปรโมชั่นหรือส่วนลดพิเศษในบางช่วงเวลา
วิธีการเปรียบเทียบราคา
- ขอใบเสนอราคาจากบริษัทหลายแห่ง
- เปรียบเทียบราคาของบริษัทที่เสนอบริการที่คล้ายคลึงกัน
- พิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น
ข้อควรระวัง
- ระวังบริษัทที่เสนอราคาต่ำมากจนน่าตกใจ เพราะอาจส่งผลต่อคุณภาพงาน
- เลือกบริษัทที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ
- ตรวจสอบผลงานที่ผ่านมาของบริษัท
Related posts:
การใช้ hermeneutics ในการวิจัยเชิงคุณภาพ
ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์
9 ปัญหาที่พบในการทำงานวิจัย
ผลกระทบของความเป็นสากลต่อการวิจัยในชั้นเรียน
การวิจัยและการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS โดย ธานินทร์ ศิลป์จารุ – การเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม
กรอบแนวคิดการวิจัยมีบทบาทอย่างไรในบทนำการวิจัยของคุณ
ประโยชน์ของนวัตกรรมการเรียนการสอน: คู่มือสู่ความสำเร็จ
บทบาทของการคิดเชิงวิพากษ์ในกระบวนการเขียนโครงร่างการวิจัย