การวิจัยมีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ วิธีการ และประเภทของข้อมูล 5 ประเภทรูปแบบการวิจัย ที่คนส่วนใหญ่เลือกทำ มีดังนี้
1. การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research)
- เน้นการเก็บข้อมูลตัวเลข นำมาวิเคราะห์ด้วยสถิติ
- เหมาะกับการวิจัยที่ต้องการทดสอบสมมุติฐาน หาความสัมพันธ์ หรือเปรียบเทียบกลุ่มตัวอย่าง
- ตัวอย่างวิธีการ: การสำรวจด้วยแบบสอบถาม การทดลอง
2. การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)
- เน้นการเก็บข้อมูลเชิงลึก ผ่านการสัมภาษณ์ สังเกต หรือกลุ่มสนทนา
- เหมาะกับการวิจัยที่ต้องการเข้าใจความคิด ความรู้สึก ประสบการณ์ หรือพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย
- ตัวอย่างวิธีการ: การสัมภาษณ์เชิงลึก การวิเคราะห์เนื้อหา
3. การวิจัยเชิงผสม (Mixed Methods Research)
- ผสมผสานการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เข้าด้วยกัน
- เหมาะกับการวิจัยที่ต้องการทั้งข้อมูลตัวเลขและข้อมูลเชิงลึก
- ตัวอย่างวิธีการ: การสำรวจด้วยแบบสอบถาม ควบคู่กับการสัมภาษณ์เชิงลึก
4. การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ (Historical Research)
- ศึกษาเหตุการณ์ในอดีต โดยใช้หลักฐานทางประวัติศาสตร์
- เหมาะกับการวิจัยที่ต้องการเข้าใจที่มา ความเป็นมา หรือพัฒนาการของเหตุการณ์ในอดีต
- ตัวอย่างวิธีการ: การวิเคราะห์เอกสาร การสัมภาษณ์ผู้รู้
5. การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research)
- เน้นการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาในสถานการณ์จริง
- เหมาะกับการวิจัยที่ต้องการพัฒนาหรือปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่
- ตัวอย่างวิธีการ: การวิจัยเพื่อพัฒนาหลักสูตร การวิจัยเพื่อพัฒนาชุมชน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกประเภทรูปแบบการวิจัย
- วัตถุประสงค์ของการวิจัย
- ประเภทของข้อมูลที่ต้องการ
- ทรัพยากรที่มีอยู่
- ความรู้และทักษะของนักวิจัย
ข้อควรระวัง
- ไม่มีรูปแบบการวิจัยใดที่ “ดีที่สุด”
- การเลือกใช้รูปแบบการวิจัยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ
- นักวิจัยควรศึกษาและเลือกใช้รูปแบบการวิจัยที่เหมาะสมกับการวิจัยของตน
Related posts:
3 สิ่งที่ผิดพลาดจนนำไปสู่ความล้มเหลวของการทำวิจัยคืออะไร
การเขียนขอเสนอทุนตามบทความวิจัยของคุณ
เขียนบทที่ 2 ภายใน 60 นาที ด้วยเคล็ดลับ 6 ข้อ
ความสำคัญของการมีบทนำที่เชื่อถือได้ในงานวิจัยของคุณ
นวัตกรรม ใบงานสื่อการเรียนการสอนต่างๆ เป็นอย่างไร
วิธีเขียนกิตติกรรมประกาศด้วยภาษาทางการ
การพัฒนางานการจัดทำดัชนีวารสารวิชาการ ในระบบห้องสมุดอัตโนมัติ ALIST
การทำให้วิทยานิพนธ์ของคุณมีส่วนร่วมมากขึ้น