1. ความรู้และทักษะ: ผู้รับทำวิจัยควรมีความรู้และทักษะที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจัยเป็นอย่างดี เข้าใจหลักการและวิธีการวิจัยอย่างถูกต้อง รวมไปถึงทักษะการเขียนและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
2. ความละเอียดรอบคอบ: การวิจัยต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบการวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการเขียนรายงาน ผู้รับทำวิจัยต้องใส่ใจรายละเอียดและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
3. จริยธรรม: ผู้รับทำวิจัยต้องยึดมั่นในหลักจริยธรรมการวิจัย ปฏิบัติต่อผู้เข้าร่วมวิจัยด้วยความเคารพ รักษาความลับของข้อมูล และไม่นำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด
4. การบริหารเวลา: ผู้รับทำวิจัยต้องมีทักษะการบริหารเวลาที่ดี สามารถจัดลำดับความสำคัญของงานและควบคุมเวลาให้เป็นไปตามแผนการวิจัย
5. การติดต่อสื่อสาร: ผู้รับทำวิจัยต้องสามารถสื่อสารกับผู้ว่าจ้างและผู้เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชี้แจงข้อมูลให้เข้าใจง่าย ตอบคำถามอย่างตรงประเด็น และรายงานความคืบหน้าของงานวิจัยเป็นประจำ
นอกจาก 5 ปัจจัยหลักข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพของงานวิจัย เช่น:
- ทรัพยากรที่มีอยู่ เช่น งบประมาณ เครื่องมือ อุปกรณ์ และข้อมูล
- ความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้อง
- ปัจจัยภายนอก เช่น ภัยธรรมชาติ เหตุการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม
Related posts:
กรณีศึกษา: นวัตกรรมการเรียนการสอน
กลยุทธ์การใช้การอภิปรายผลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสรุปผลและนัยสำคัญทางสถิติจากผลการวิจัย
ประโยชน์ของการใช้ SPSS ในการสร้างแบบจำลองสมการโครงสร้าง และการวิเคราะห์ปัจจัยเชิงยืนยัน
การพัฒนาเครื่องมือวัดสำหรับการวิจัยเชิงปริมาณ
วิธีการวิเคราะห์ทฤษฎีและการวิจัยที่เกี่ยวข้องในบทที่ 2
บทบาทของการวิจัยที่ตอบสนองต่อวัฒนธรรมในชั้นเรียน
วิจัยบริหารการศึกษา ควรตั้งคำถามอย่างไรให้น่าสนใจ
กลยุทธ์ของบริการรับทำวิทยานิพนธ์อย่างมืออาชีพ